ชื่อบริษัทก็ไม่ต่างจากชื่อที่พ่อและแม่ตั้งให้คุณ เพราะมันจะติดตัวบริษัทของคุณไปชั่วชีวิต ดังนั้นการพิจารณาชื่อที่ดีและเหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม มิฉะนั้นคุณก็อาจจะต้องเปลี่ยนชื่อให้บริษัทเสียใหม่เช่นเดียวกับที่หลายๆคนจำต้องเปลี่ยนชื่อของตนเพราะมาพบอักษรที่ไม่เป็นมงคลจากชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้ในภายหลัง ซึ่งข้อเสนอแนะในการตั้งชื่อบริษัทมีดังนี้
หากคุณกำลังอยู่ในขั้นเตรียมการจะไปยื่นเรื่องขอจัดตั้งบริษัทกับกรมธุรกิจการค้าแล้วล่ะก็ ทางเราอยากเสนอให้คุณกลับมาพิจารณาปัจจัยข้อหนึ่งซึ่งสำคัญไม่แพ้เอกสารต่างๆที่คุณกำลังง่วนจัดเตรียมอยู่ในตอนนี้ เพราะปัจจัยข้อนี้ไม่เพียงส่งผลในเรื่องการเริ่มต้นประกอบการเท่านั้น แต่มันยังส่งผลไปตลอดการดำเนินการของบริษัทคุณอีกด้วย ปัจจัยที่ว่าก็คือ " ชื่อของบริษัท" นั่นเอง
ชื่อของบริษัทควรมีความหมายในทางที่ดีเช่นเดียวกับชื่อของคน เพราะในประเทศที่ยังยึดถือเรื่องโชคลางอย่างประเทศของเรานั้นให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก การตั้งชื่อดีจึงอาจสร้างสิริมงคลให้กับบริษัทของคุณก็ได้ และถึงแม้คุณจะไม่ได้เคร่งครัดในเรื่องดังกล่าว แต่อย่าลืมว่าอย่างน้อยลูกค้า ของคุณส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นคนในประเทศซึ่งอาจยังยึดถือเรื่องโชคลาง หากชื่อบริษัทของคุณฟังดูไม่เข้าหูหรือไม่เป็นสิริมงคล ลูกค้าก็อาจใช้มันในการตัดตัวเลือกระหว่างคุณกับบริษัทคู่แข่งก็ได้ นอกจากนี้การตั้งชื่อที่ผิดศีลธรรม ใช้คำผวน หรือเล่นคำ อาจก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีในด้านการประชาสัมพันธ์ ซึ่งจริงๆแล้วตอนที่คุณไปแจ้งที่กรมธุรกิจการค้านั้น เขาก็จะมีการตรวจให้ และถ้าเป็นชื่อที่ไม่ผ่านเกณฑ์คุณก็จะต้องเสียเวลากลับมาหาชื่อใหม่และยื่นเรื่องใหม่อีกอยู่ดี ทำให้การจัดตั้งบริษัทล่าช้าออกไปอีก
การตั้งชื่อบริษัทของคุณควรบ่งบอกถึงลักษณะการประกอบการ เพราะจะทำให้ลูกค้ารู้ว่าคุณประกอบธุรกิจอะไร แต่ทั้งนี้ไม่ควรระบุเจาะจงจนเกินไปเพราะอาจส่งผลต่อการขยายโอกาสในอนาคตในกรณีที่คุณต้องการทำผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ขึ้นมา ยกตัวอย่างร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดอย่างKFC ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็นตัวย่อมาจากชื่อเต็มว่า Kentucky Fried Chicken เพราะถ้าขืนยังใช้ชื่อเดิมอยู่ ผู้พัน Kentucky อาจขายได้เพียงไก่ทอดตามชื่อบริษัทเท่านั้น
ชื่อบริษัทควรเป็นชื่อที่เข้าใจง่ายและออกเสียงง่ายอีกด้วย เพราะมันจะทำให้ลูกค้าจำชื่อของบริษัทคุณได้ดีขึ้น อย่าลืมว่าการค้า " แบบปากต่อปาก " ยังมีผลมากในระบบเศรษฐกิจไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน หากผลิตภัณฑ์และของคุณดีจริงจนลูกค้าอยากแนะนำให้คนรู้จักใช้บ้าง แต่ชี่อบริษัทของคุณจำยากหรือออกเสียงยากเกินไปทำให้เขาไม่สามารถจำชื่อไปบอกคนอื่นต่อได้ คุณก็อาจพลาดเป้าหมายในการได้ลูกค้ารายใหม่ไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
ทั้งนี้ในกรณีที่ตั้งบริษัทใหม่ควรหลีกเลี่ยงการใช้อักษรย่อ เพราะจะทำให้ลูกค้าไม่รู้ว่าสินค้าและบริการของเราเกี่ยวกับอะไร แม้ชื่อที่คุณตั้งจะต้องเป็นชื่อที่บ่งบอกถึงลักษณะการประกอบการของบริษัท แต่อย่าลืมว่าคุณไม่ได้เป็นคนเดียวที่ประกอบกิจการดังกล่าว ยังมีคู่แข่งอีกหลายรายที่ทำธุรกิจแบบเดียวกับคุณ และส่วนใหญ่เวลาตั้งชื่อก็จะตั้งเหมือนๆกัน เช่น ถ้าเป็นร้านซ่อมเครื่องไฟฟ้าก็มักจะมีคำว่า " อิเล็กทรอนิกส์ " ในชื่อเกือบทุกร้าน ทำให้ลูกค้าจะแยกไม่ค่อยออกเพราะชื่อเหมือนๆกันหมด ส่งผลให้ถ้าชื่อของบริษัทของคุณไม่มีความโดดเด่นและไม่เป็นที่นึกถึงของลูกค้า เรียกได้ว่าแพ้คู่แข่งตั้งแต่ลูกค้ายังไม่ทันเห็นสินค้าเลยก็ว่าได้
ชื่อคนซ้ำกันอาจไม่เป็นปัญหา แต่ชื่อบริษัทซ้ำกันนั้นเป็นปัญหาอย่างแน่นอน เพราะคุณอาจยื่นเรื่องกับกรมธุรกิจการค้าไม่ผ่านตั้งแต่ในเบื้องต้นจนต้องเสียเวลายื่นเรื่องใหม่อีกรอบ หรือถ้าคุณยื่นเรื่องผ่านเพราะไม่ได้ใช้ชื่อโดยตรงแต่จงใจใช้ชื่อใกล้เคียงกับบริษัทอื่นที่ประกอบธุรกิจลักษณะเดียวกับคุณมานานแล้วเพื่อหวังผลให้เกิดความเข้าใจผิดจากลูกค้า คุณก็อาจถูกฟ้องร้องจากบริษัทที่คุณจงใจเลียนแบบได้เช่นกัน
การตั้งชื่อตามที่ตั้งอาจเป็นประโยชน์สำหรับคุณในการบอกที่ตั้งก็จริง แต่ในขณะเดียวกันก็จะกลายเป็นการจำกัดพื้นที่การทำธุรกิจของคุณไปด้วย เพื่อหลักเลี่ยงข้อจำกัดดังกล่าวคุณควรตั้งชื่อโดยคำนึงถึงอนาคตว่าวันหนึ่งกิจการของคุณอาจจะไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในพื้นที่หนึ่งๆ แต่อาจขยายไปไกลหรือไปในต่างที่ต่างแดนได้ ดังนั้นคุณควรเลือกใช้ชื่อที่มีความเป็นสากลล่วงหน้าไว้ก่อน ยกตัวอย่างบริษัท Minnesota Manufacturing and Mining ที่เปลี่ยนชื่อเป็น 3M เพื่อให้ขายได้ทั่วโลกอย่างในปัจจุบัน
เจ้าของกิจการส่วนใหญ่มักตัดปัญหาการตั้งชื่อกิจการมาใช้ชื่อและนามสกุลของตนเองไปเลย เช่น กิจการร้านทองที่ขึ้นต้นด้วย " ห้างทอง " และตามด้วยชื่อ " แม่ " ต่างๆ ซึ่งนอกจากจะคล้ายกันมากจนจดจำและแยกแยะได้ยากแล้ว ชื่อและนามสกุลของคนทั่วไปยังไม่เป็นที่โดดเด่น ติดหู และติดปากคนมากเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับการใช้ชื่อสินค้าและบริการแทน
ชื่อที่คุณเลือกมานั้นนอกจากจะเป็นชื่อที่ดีและเหมาะสมแล้ว ยังต้องสามารถจัดทำให้อยู่ในรูปแบบอักษรที่สวยงามและถ้าสามารถประกอบกับโลโก้ของบริษัทได้ด้วยจะยิ่งดีมาก เพราะมันเป็นเสมือนสิ่งแรกที่จะดึงดูดความสนใจของลูกค้า ดังนั้นเมื่อได้ชื่อบริษัทมาคุณก็ควรลองปรับให้เป็นหลายๆแบบเท่าที่จะคิดออก เช่น ลองเปลี่ยนฟอนท์ ขนาด สี หรือลองหาผู้ออกแบบที่มีฝีมือมาช่วยออกแบบตกแต่งก็ได้เพื่อให้ได้รูปแบบที่คุณคิดว่าเข้าท่าและน่าจะผู้สะดุดตาผู้คนที่สุด แต่ทั้งนี้คำว่า " สะดุดตา " ในบางทีถ้าพลาดก็อาจกลายเป็น " ขัดตา " ได้ ดังนั้นคุณจึงจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ
นอกจากชื่อบริษัทควรจะสัมพันธ์กับโลโก้แล้ว ก็ควรจะเป็นชื่อที่สามารถเอามาจัดทำเป็นเว็บไซต์ได้ เพราะในยุคที่อินเตอร์เน็ทเข้ามามีบทบาทในเรื่องของการสื่อสารเช่นทุกวันนี้ บริษัทของคุณอาจจำเป็นที่จะต้องมีเว็บไซต์เป็นของตนเองเพื่อประโยชน์ในด้านการโฆษณาประชาสัมพันธ์
คุณควรให้ผู้อื่น เช่น เพื่อนร่วมงาน คนในครอบครัว หรือคนรู้จักในวงการธุรกิจที่พอจะมีประสบการณ์ ได้ทดลองพิจารณาชื่อบริษัทของคุณดู เช่น ให้เขาแสดงความคิดเห็น ทดลองอ่านออกเสียง หรือพิจารณาแบบอักษรดู เสมือนว่าพวกเขาเป็นลูกค้าจริงๆ ซึ่งข้อดีก็คือบางทีคนเหล่านี้อาจมองเห็นปัญหาที่คุณมองข้ามหรือนึกไม่ถึงก็ได้ ทำให้คุณแก้ไขปัญหาได้ทันก่อนที่จะสายเกินไป
การตั้งชื่อบริษัทที่ผิดพลาดอาจส่งผลเสียต่อสินค้าและบริการของคุณในระยะยาว ซึ่งหากมันกลายเป็นอุปสรรคกับกิจการ คุณก็ควรลดทิฐิและยอมแก้ปัญหาดังกล่าวโดยใช้วิธีเปลี่ยนชื่อบริษัทเสียใหม่ อย่าคิดว่าเรื่องชื่อเป็นแค่ปัญหาเล็กๆ เพราะบางทีปัญหาเล็กๆก็อาจเป็นบ่อเกิดของปัญหาที่ใหญ่กว่าดังที่ได้ยกตัวอย่างไปในข้างต้นก็ได้